วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

04 นาซิกาเป๊ะ หรือลาซิติเนะ

                              นาซิกาเป๊ะ หรือลาซิติเนะ



นาซิกาเป๊ะหรือลาซิติเนะ  หมายถึง  ข้าวอัด  เป็นอาหารพื้นเมืองที่นิยมรับประทานกันโดยทั่วไป ส่วนมากนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า กับข้าวที่รับประทานพร้อมกับข้าวอัดมี  ๒  ชนิดคือ  สมัน  หรือซามาและสะเต๊ะ

วิธีการทำ

วิธีทำ โดยนำข้าวเก่ามาล้างให้สะอาดแล้วหุงแบบธรรมดา ใส่น้ำค่อนข้างมากหรือมากเป็น ๒ เท่าของการหุงโดยปกติ หุงให้เป็นข้าวแฉะปล่อยให้ข้าวสุกโดยไม่ต้องคน เมื่อสุกแล้วเทใส่ภาชนะที่รองด้วยใบตองประมาณค่อนภาชนะ เอาใบตองปิดบนใช้ของหนักทับบนใบตองทิ้งไว้  ๑  คืน จึงนำเอามาตัดเป็นชิ้นๆ ใช้รับประทานกับสมันหรือสะเต๊ะ
          
การทำข้าวอัดนั้นบางครั้งอาจทำให้สวยงามด้วยรูปแบบและวิธีต่าง  ๆ เช่น ห่อด้วยใบมะพร้าวสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมบรรจุข้าวสารครึ่งหนึ่ง แล้วนำไปต้มจนข้าวสุกข้าวจะขยายจนเต็มเนื้อที่ หรือบางครั้งนำใบตองมาทำเป็นกรวยบรรจุข้าวสารครึ่งหนึ่ง ต้มให้สุกเวลารับประทานต้องใช้มีดตัดข้าวอัดเหล่านี้
          
เครื่องปรุงสะเต๊ะสำหรับรับประทานกับนาซิกาเป๊ะ  โดยตำเครื่องปรุงซึ่งประกอบด้วยหอมแดง  ๒ ขีด กระเทียม ๒ ขีด พริกแห้งดอกใหญ่ ๕ ดอก ตำให้ละเอียดแล้วนำมาผัดกับกะทิให้หอม ใส่ถั่วลิสงครึ่งกิโลกรัม คั่วและตำให้ละเอียด   ส้มแขก   เกลือ   และน้ำตาล   ชิมรสให้ออกรสหวานนำ  เสร็จแล้วใช้รับประทานกับนาซิกาเป๊ะ (ข้าวอัด) ได้



03 ข้าวเกรียบปลาสด จังหวัดนราธิวาส

ข้าวเกรียบปลาสด จังหวัดนราธิวาส




ข้าวเกรียบปลาสด หรือ กะโป๊ะ ทำจากปลาทุกชนิดที่ใช้ทำเป็นลูกชิ้นปลานำมาทำข้าวเกรียบปลาได้ ซึ่งมีวิธีการผลิตใช้เทคนิคและวิธีการด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านและเป็นการถนอมอาหารสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน ข้าวเกรียบปลาสดนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่างหรือกับแกล้ม แต่ผู้รับประทานมักเข้าใจผิดว่าข้าวเกรียบปลาคงจะมีกลิ่นคาวหรืออร่อยไม่เท่าข้าวเกรียบกุ้ง ชาวบ้านจึงได้พัฒนารสชาติให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนผสม 
1.แป้งมัน 1 กิโลกรัม
2.เนื้อปลา 6 ขีด
3.เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
4.พริกไทยป่น 3 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
6.กระเทียมโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำเดือด 1 ถ้วยตวง
8.น้ำ ½ ถ้วยตวง


วิธีทำ 1. ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ นำไปลวกน้ำร้อนพอสุกๆ ดิบๆ แล้วนำมาสับให้ละเอียดถ้าเป็นปลาที่มีกลิ่นคาวมาก ให้ล้างน้ำเกลือ 4% (น้ำ 1 ลิตร เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ) ก่อนที่จะนำไปสับให้ละเอียด
2. นำแป้งมัน เกลือป่น พริกไทยป่น น้ำตาลทรายมาผสมให้เข้ากันดี
3. นำแป้งที่ผสมแล้ว 1 ถ้วยตวง นวดกับน้ำเดือดก่อนเพื่อเป็นเชื้อ แล้วจึงค่อยเติมเนื้อปลา กระเทียมโขลกละเอียด และแป้ง นวดจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกันจนกระทั่งหมดส่วนผสม นานประมาณ 20 นาที
4. นำแป้งและปลาที่ผสมเครื่องเทศเรียบร้อยแล้วมาปั้นเป็นแท่งกลมยาว แล้วใส่ภาชนะที่กรุด้วยใบตอง นึ่งประมาณ 1 – 1 ½ ชั่วโมง แล้วแต่ขนาดของท่อนข้าวเกรียบ
5. เมื่อนึ่งเสร็จแล้ว ตั้งทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้ผิวนอกแข็ง สะดวกในการหั่น
6. หั่นข้าวเกรียบที่นึ่งแล้วเป็นชิ้นบาง ๆ ด้วยมีด แล้วตากบนแผงตากข้าวเกรียบประมาณ 1-2 แดด เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว ก็พร้อมบรรจุถุงขาย



02หาดนราทัศน์

                                                             หาดนราทัศน์ นราธิวาส



หาดนราทัศน์เป็นชายหาดที่มีความสวยงาม โค้งหาดยาวต่อเนื่องประมาณ 5 กิโลเมตร มองเห็นได้ไกลจนสุดลูกหูลูกตา จรดกกับปลายแหลมปากแม่น้ำบางนราทางทิศใต้ แต่ก่อนนั้นชายหาดนี้จะกว้างมากจนเมื่อมีการสัมปทานขุดทราย ทำให้หาดนี้แคบลงกว่าแต่ก่อนมาก อย่างไรก็ดีหาดนี้ก็ยังเป็นหาดที่มีความสวยงามอยู่เช่นเดิม ริมหาดที่ร่มรื่นด้วยทิวสนมากมาย อีกทั้งยังมีลมพัดเย็นบรรยากาศเป็นส่วนตัว ทำให้หาดนราทัศน์เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองนราธิวาส และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเสมอ
นอกจากหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสเหมาะแก่การลงเล่นน้ำแล้ว ริมหาดนี้ยังมีหมู่บ้านชาวประมงตั้งกระจายเป็นระยะ ๆ ชายหาดช่วงที่อยู่ด้านหน้าหมู่บ้านจะมีเรือนกอและจอดเรียงรายอย่างสวยงาม โดยเฉพาะลักษณะของเรือกอและที่มีการวาดลวยลายอันวิจิตร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวใต้ ริมหาดนี้ยังมีร้านอาหารเรียงรายอยู่หลายร้าน ใต้แนวสนที่ร่มรื่นยังเหมาะแก่การตั้งแค้มป์ รวมถึงมีบังกะโลริมหาดสำหรับผู้ที่ต้องการพักค้างคืนอยู่
นอกจากจะได้มาเที่ยวชายหาดที่สวยที่สุดของจังหวัดนราธิวาสแล้ว หาดนราทัศน์ยังเป็นสถานที่ในการจัดงานประเพณีชักพระ ในช่วงเดือน 11 ของทุกปีด้วย นอกจากหาดนราทัศน์แล้ว นราธิวาสยังมีชายหาดที่น่าสนใจอีกคือ อ่าวมะนาว ตั้งอยู่บริเวณเขาตันหยง ห่างจากตัวเมืองนราธิวาสประมาณ 3 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 4084 (นราธิวาส-ตากใบ-สุไหงโก-ลก) ระหว่างกิโลเมตรที่ 3-4 เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางประมาณ 1 กิโลเมตร
อ่าวมะนาว เป็นอ่าวที่มีหาดทรายอยู่หลายช่วง ยาวประมาณ 4 กิโลเมตร จนถึงเขตพระราชฐานของพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ่าวแต่ช่วงนั้นคั่นด้วยแหลมหิน มีเนินเขาที่สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้ นับเป็นอ่าวและหาดที่มีความสวยงามที่สุดอีกหาดหนึ่ง ตั้งอยู่ที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง ใกล้ ๆ กับหาดอ่าวมะนาวยังมีน้ำตกธารสวรรค์ให้เที่ยวด้วย

ทางทิศใต้ของหาดนราทัศน์อยู่ติดกับปากน้ำบางนรา ซึ่งเป็นที่ตั้งชุมนุมชาวประมงท้องถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมภาพชีวิตชาวประมง และชมเรือกอ ซึ่งมีศิลปะลวยลายสีสันสวยงามเป็นจำนวนมากในลำน้ำ โดยเฉพาะในยามเย็นที่ชาวประมงนำเรือกอและออกไปหาปลา นอกจากนี้แม่น้ำบางนรายังเป็นสถานที่จัดงานแข่งเรือกอและเป็นประจำทุกปีอีกด้วย






01 วัดเขากง

                                                             ประวัติของวัดเขากง


                                         




นจังหวัดนราธิวาส มีวัดที่น่าเที่ยวอยู่หลายแห่ง อย่างวัดชลธาราสิงเห อ.ตากใบ ก็มีโบราณวัตถุมากมาย อุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ที่สวยงาม  อีกทั้งยังเป็นวัดสำคัญที่ช่วยพิทักษ์ดินแดนไทยไว้ด้วย ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เอาไว้เล่าตอนไปเที่ยววัดชลฯ ในคราวหน้า เพราะครั้งนี้ผมจะพาไป ‘วัดเขากง’ ณ ‘พุทธมณฑลจังหวัดนราธิวาส’



กล่าวสำหรับพุทธมณฑล นอกจากส่วนกลาง คือ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม แล้ว ในประเทศไทยมีพุทธมณฑลภูมิภาคอีก 9 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้น ตั้งอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส
พุทธมณฑล อีก 8 แห่ง คือ ได้แก่ พิษณุโลก, นครสวรรค์, สมุทรสาคร, ลำปาง, พะเยา, นครพนม, ขอนแก่น และเพชรบุรี
พุทธมณฑลจังหวัดนราธิวาส สร้างขึ้นในปีงบประมาณ 2549 เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี เพื่อสำหรับใช้ประกอบพิธีกรรม แสดงธรรม และประชุมทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ตั้งอยู่ ต.ลำภู อ.เมือง




อาจมีคนสงสัยว่า ในเมื่อประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แล้วไยพุทธมณฑล จึงมาตั้งอยู่นราธิวาส เหตุผลนี้ผมก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่ถ้าย้อนประวัติความเป็นมาของการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาแล้ว ก็ไม่นึกแปลกอะไร
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ปัตตานีซึ่งอยู่บนคาบสมุทรมลายู เป็นเมืองท่าสำคัญเมื่อครั้งอดีต แต่กว่าจะเจริญรุ่งเรือง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ต้องเคยเป็นที่รกพง และมีชาวป่า (โอรังอัสลี หรือซาไก) อาศัยมาก่อน ที่สำคัญมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดพ่อค้าจากจีน และอินเดีย ล่องเรือมาเจอ ยังอุทานออกมาว่า โอ้! ‘แผ่นดินทอง’…นานวันผ่าน พ่อค้าอินเดียได้นำศาสนาฮินดู และวัฒนธรรมเข้ามาเผยแผ่ ชนพื้นเมืองที่เคยนับถือผี จึงหันมานับถือศาสนา และคำสอนตามคติ พราหมณ์ หลังจากนั้นอินเดียได้นำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีหลักฐานเกี่ยวกับการสร้างวัด พระพุทธรูป มากมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ในถ้ำคูหามุข จ. ยะลา หรือพระพิมพ์ดินดิบ ที่ชุมชนโบราณยะรัง จ.ปัตตานี เป็นต้น ด้วยแรงศรัทธาของศาสนา หลังจากศาสนาพุทธรุ่งเรือง พ่อค้าชาวอาหรับ ก็ได้นำหลักคำสอนของศาสนาอิสลามมาเผยแผ่ และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน




วัดเขากง ถือเป็นใจกลางพุทธมณฑลจังหวัดนราธิวาส ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธมากว่าพันปี ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง นาม ‘พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล’
พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งประทานพรที่สวยงาม และใหญ่ที่สุดในภาคใต้ สร้างตามแบบพุทธศิลป์สกุลช่างอินเดียใต้ (แบบขนมต้ม) หน้าตักกว้าง 17 เมตร มีความสูงจากใต้พระเพลา ถึงพระเกศบัวตูม  23 เมตร ประดับด้วยโมเสดสีทองทั้งองค์ เริ่มวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2509 แล้วเสร็จเมื่อ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2512
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมบรรจุดินจากสังเวชนียสถาน คือ ดินจากสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระอุระเบื้องซ้ายพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล เมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม พ.ศ. 2513
สาเหตุที่ชื่อวัดเขากง ก็เพราะตั้งอยู่บนเขากง และสาเหตุที่ไปตั้งวัดบนเขากง ก็เพราะว่า พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นพุทธสถานมาก่อน มีหลักฐานที่เป็นซากโบราณสถานอันเป็นส่วนประกอบของเจดีย์พร้อมทั้งเศียรพระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์ฝ่ายมหายาน รวมทั้งโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย จากหลักฐานเหล่านี้ ผู้รู้สันนิษฐานว่า พุทธสถานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1100 ผ่านมาพันกว่าปี กระทั่ง พ.ศ.2542 พุทธสถานแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นเป็นวัดเขากง โดยหลวงพ่อปอเลาะห์ ซึ่งก็เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด กระทั่งถึง พ.ศ.2435 วัดเขากงก็ต้องกลายเป็นวัดร้าง เนื่องจากหลวงพ่อปอเลาะห์ได้ออกธุดงค์และมรณภาพที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทำให้ขาดพระสงฆ์อยู่จำพรรษา ก็ร้างอยู่ราว 60 ปี วัดเขากงจึงได้รับการบูรณะใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2495 และกลายเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนจวบจนทุกวันนี้
มีเรื่องเล่าอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเขากง สาเหตุที่เรียกว่า เขากง นั้น เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นภูเขาตั้งเรียงกัน 3 ลูก มองไกลๆ คล้ายคางคกภูเขา (ขนาดใหญ่กว่าคางคกปกติมาก แถมดุด้วย ดุชนิดที่กินงูเป็นอาหารเลยละ) คางคกประเภทนี้ คนใต้เรียก ‘กง’
ยังไม่จบเรื่องกง เจ้าคางคกยักษ์นี่ ภาษาถิ่นนราธิวาส หรือเจ๊ะเห เรียกว่า ‘กงกง’ ถือเป็นสัตว์มงคล หากเข้าบ้านใคร เขาจะไม่ไล่ แต่จะเลี้ยงดูอย่างดีเลย หากนึกไม่ออกว่าตัวมันเป็นอย่างไร ขอให้นึกถึง อุทัยเทวี


เชื่อว่า ผู้อ่านคงเกิดคำถามว่า เอ! เจ้าอาวาสองค์แรกชื่อท่านคล้ายจะเป็นอิสลามิกชนนา ไหง๋มาบวชเป็นพระได้ ใช่แล้วครับ เดิมท่านนับถือศาสนาอิสลาม! มีประวัติเล่าหลายสำนวนแต่ก็คล้ายๆ กัน จึงขอนำมาเล่าให้อ่านเพียงสำนวนเดียว ดังนี้
“ท่านเป็นคนนราธิวาส วันหนึ่งได้เดินไปในป่า พบเสือเบงกอลใหญ่จะเข้ามากัด ด้วยตกใจ ท่านซึ่งตอนนั้นเป็นมุสลิม จึงร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นึกได้ทั้งหมด ทั้งพระเจ้า ทั้งเทวดา กระทั่งหลุดปากออกมาว่า ถ้าเสือไม่กินท่าน ท่านจะบวชเป็นพระ เท่านั้นแหละ เสือก็เลยหายไป พอกลับบ้าน ท่านก็ฝันว่า เสือมาถามว่า เมื่อไหร่จะบวช ท่านก็เลยไปบวช”
การนำประวัติหลวงพ่อปอเลาะห์มาเล่า ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด นอกจากเล่าให้ครบกระบวนความเท่านั้น และประวัติก็นำมาจากแหล่งข้อมูลที่พอหาได้ ซึ่งผมได้มาจากเว็บไซต์ของประเทศมาเลเซีย ที่เพื่อนส่งต่อมาให้


ภายในวัดเขากง นอกจากพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล ซึ่งประดิษฐานอยู่บนเขาลูกที่ 1 แล้ว ยังมีปูชนียวัตถุ-สิ่งก่อสร้างสำคัญ คือ



1. พระอุโบสถ รูปทรงศิลปะไทย สวยงามแปลกจากแบบอื่นที่เห็นในที่ทั่วไป ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกที่ 2โดยมีรูปช้างถวายดอกบัวปรากฏอยู่ด้วยอย่างงดงาม



2. พระเจดีย์สิริมหามายา ประดิษฐานอยู่เหนือยอดเขาลูกที่ 3 พระเจดีย์องค์นี้สร้างให้มีสารพัดประโยชน์ ภายในองค์เจดีย์มีห้องกว้างขวางสำหรับผู้มีจิตศรัทธาเข้าไปสักการบูชา และพักผ่อนอย่างสะดวกสบาย



3.รูปหล่อหลวงพ่อปอเลาะห์ อดีตเจ้าอาวาสของวัดในสมัยโบราณ ซึ่งทรงความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ศรัทธาเคารพสักการะของมหาชน



4. วิหารหลวงพ่อทวด เป็นวิหารขนาดใหญ่ ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นสวยงาม ด้านหน้าวิหารมีองค์พระหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่น

การนำเสนอชิ้นงานที่2 เทคโนโลยีสมัยใหม่ในอนาคต

   
                                                                  นาฬิกาในอนาคต




                                                                                   

                                                                        นาฬิกาสุดเจ๋ง

วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

04 นาซิกาเป๊ะ หรือลาซิติเนะ

                              นาซิกาเป๊ะ หรือลาซิติเนะ นาซิกาเป๊ะหรือลาซิติเนะ  หมายถึง  ข้าวอัด  เป็นอาหารพื้นเมืองที่นิยมรับประทานกั...